ในช่วงแรกจะมีอาการเสียวฟันเมื่อกินอาหารเย็นหรือร้อน เมื่อฟันผุมากขึ้น จะมีกลิ่นปาก และเมื่อฟันผุจนถึงโพรงประสาท จะทำให้โพรงประสาทอักเสบ และปวดฟันอย่างรุนแรง บางครั้งปวดแปลบๆตลอดเวลา ถ้ารากฟันเป็นหนอง อาจทำให้เชื้อลุกลามกลายเป็นโลหิตเป็นพิษหรือ ไซนัสอักเสบได้
ควรไปหาทันตแพทย์ เพื่อทำการอุดฟันซี่ที่ผุ หรือถอนฟัน ถ้ามีอาการปวดฟันมากให้กินยาแก้ปวด ชั่วคราว เช่น พาราเซตามอล หรือถ้าเกิดการอักเสบ ให้กินยาแก้อักเสบ
การปวดฟันอาจเกิดจาก ฟันคุด ซึ่งคือ ฟันซี่สุดท้าย โผล่ขึ้นมาไม่ได้ เพราะขากรรไกรเล็กลง ทำให้มีเศษอาหารเข้าไปติดได้ง่าย ทำให้มีการอักเสบ บางรายมีอาการไข้ ควรให้ทันตแพทย์ถอนฟันคุดออก
การป้องกันฟันผุ
- แปรงฟันให้ถูกวิธี อย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง เช้าหลังตื่นนอน และ กลางคืนก่อนเข้านอน
- หลีกเลื่ยงการกินลูกอม ทอฟฟี่ และขนมหวาน
- ใช้ฟลูออไรด์ ในรูปแบบ น้ำยาบ้วนปาก หรือ ผสมในยาสิฟัน เพราะฟลูออไรด์จะช่วยเสริมสร้างผิวเคลือบฟันให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น จะยิ่งได้ผลดีสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 14ปีลงมา
เหงือกอักเสบ (โรคปริทันต์ รำมะนาด) พบได้บ่อยในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก สาเหตุเกิดจาก การรักษาความสะอาดในช่องปากไม่ดีพอ ทำให้เกิดการสะสมของ หินปูนและ dental plaque (แผ่นคราบฟัน) ซึ่งมีเชื้อแบคทีเรียอยู่มาก เชื้อแบคทีเรียนี้ได้ปล่อยสายพิษออกมาบริเวณเหงือก ทำให้เหงือกเกิดการบวมและอักเสบได้ จนกระทั่ง มีการทำลายกระดูกเบ้ารากฟัน เกิดอาการฟันโยก และเกิด ฝีรำมะนาด
อาการ
ไม่มีอาการปวดแต่ขอบเหงือกจะบวมแดงและเลือดออกง่ายเวลาแปรงฟัน เมื่อเป็นมากขึ้น จะมีกลิ่นปากและ เหงือกร่น ถ้าเป็นมากต้องเจาะเอาหนองออก ถอนฟัน หรือ ผ่าตัดเหงือก
การรักษา ควรไปหาทันตแพทย์ เพื่อขูดหิดปูนและทำความสะอาดช่องปาก หรือใช้ยาบ้วนปากที่ผสมยาฆ่าเชื้อ โรคเหงือกอักเสบสามารถป้องกันได้โดย แปรงฟันให้ถูกวิธี อย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง เช้าหลังตื่นนอน และกลางคืนก่อนเข้านอนเพื่อรักษาความสะอาดโดยไม่ให้มีการสะสมของแผ่นคราบจุลินทรีย์ (แผ่นคราบฟัน) ใช้ไหมขัดฟัน ขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง ควรหมั่นไปหาทันตแพทย์ เพื่อตรวจเช็คหินปูน เป็นประจำทุก 6 เดือน