ไมเกรนไม่จัดว่าเป็นโรคร้ายแรง แต่สร้างความทุกข์ทรมานและความน่ารำคาญ ทำให้ไม่มีจิตใจที่จะทำงาน โรคไมเกรนเป็นได้กับคนทุกระดับ ทั้ง มีฐานะ และ สติปัญญา คนที่เป็นโรคนี้ มักมีนิสัย จู้จี้ขี้บ่น เจ้าระเบียบ ประมาณ 75% ของคนเป็นโรคไมเกรน มักมีญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย
สาเหตุของการเกิดโรคนี้ยังไม่เป็นแน่ชัด แต่จากการวิจัยพบว่า มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีชื่อ ซีโรโทนิน เป็นสารที่อยู่ในสมอง เมื่อโรคไมเกรนกำเริบ ซีโรโทนินจะลดลง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอักเสบของเส้นใยสมองเส้นที่5 ร่วมกับการการหดตัวและขยายตัวของหลอดเลือดแดง ทำให้เลือดไปเลี้ยงเปลือกสมองน้อยลง ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้นมา
สาเหตุของการกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน แต่ละคนมีสาเหตุต่างกัน เช่น
- การใช้สายตาเพ่งภาพอะไรนานๆ เช่น หนังสือ ดูภาพยนตร์ เย็บปักถักร้อย เป็นต้น
- การสูดได้กลิ่นฉุน เช่น ควันบุหรี่ กลิ่นสารเคมี กลิ่นน้ำมันรถ เป็นต้น
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์
- การนอนหลับไม่พอ หรือ การนอนตื่นสาย
- การดื่มกาแฟมากเกินไป
- การมีแสงสว่างจ้าเข้าตา เช่น แสงไฟกระพริบ กลางแดดจ้า
- การนั่งรถ เครื่องบิน • การออกกำลังกายมากเกินไป
- การถูกกระแทกอย่างแรงที่ศีรษะ เช่น ใช้หัวโหม่งลูกบอล
- ความเครียด ความกังวล
อาการ
มีอาการปวดศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง ปวดตุบๆ บางครั้งอาจปวดสลับข้าง หรือปวดทีละสองข้าง ปวดตามจังหวะการเต้นของหัวใจ การปวดบางครั้งเป็นหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน แต่ปกติไม่เกิน 3 วัน
บางคนอาจมีอาการตาพร่า ตาลาย ก่อนเกิดไมเกรน บางครั้ง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หน้าชา มือชา อ่อนเพลีย ริมฝีปากชา อาการปวดศีรษะนี้แม้ว่า ไม่กินยาก็มักจะหายเอง
การปฐมพยาบาลและรักษา
เมื่อเริ่มปวดศีรษะไมเกรน ให้นอนในที่เงียบๆ แสงสว่างน้อยๆ และกินยาแก้ปวด 1-2 เม็ด และควรกินทันทีที่ปวดหัว ถ้าปล่อยให้ปวดหัวเกิน 30 นาที อาจไม่ได้ผล ถ้าอาเจียน ให้กินยากแก้อาเจียนด้วย ถ้าปวดหัวอย่างรุนแรง ให้ไปพบแพทย์
ให้ผู้ป่วยสังเกตตัวเองว่า มีสาเหตุอะไรที่ทำให้ปวดหัวไมเกรนบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงจากสิ่งกระตุ้นนั้นๆ และถ้าปวดหัวไมเกรนบ่อย ควรมียาแก้ปวดหัว พกไว้ประจำตัวเสมอ และเมื่อมีอาการ ให้กินยาทันที และควรออกกำลังกายแต่พอเหมาะ