วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

เป็นหวัดคัดจมูกมีน้ำมูก – วิธีป้องกันและการรักษา

ไข้หวัดเป็นโรคที่คนปกติเป็นบ่อยมากพบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กเล็กจะเป็นบ่อยกว่าผู้ใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุทำให้เป็นหวัด ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 200 ชนิด จะสลับผลัดกันมาทำให้เกิดไข้หวัดและอาการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น ร่างกายของเราก็จะสร้างภูมิคุ้มกันหวัดชนิดต่างๆมากขึ้น การป่วยเป็นหวัดก็จะน้อยลงตามลำดับ



โรคไข้หวัดติดต่อกันง่าย เป็นโรคที่พบได้ตลอดทั้งปี แต่มักจะเป็นช่วง หน้าหนาว และหน้าฝน เชื้อหวัดมีอยู่ใน น้ำลาย น้ำมูก ของผู้เป็นหวัด และจะติดต่อกันทาง ไอหรือจาม การหายใจรดกัน หรืออาจติดกันทางใช้สิ่งของ เช่น ดื่มน้ำแก้วเดียวกันกับผู้เป็นหวัด

คนเป็นไข้หวัด จะมีอาการ มีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัว คัดจมูก มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ คอแห้ง เวลาไอบางครั้งเจ็บที่ลิ้นปี่ ในเด็กมีโอกาสที่จะมีไข้สูงและอาจถึงกับชักได้ ในทารกอาจท้องเดินหรืออาเจียนด้วย ถ้าเป็นนานเกิน 4-5 วัน น้ำมูกและเสลดอาจกลายเป็นสีเขียวหรือสีเหลือง ซึ่งเกิดจากการอักเสบของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ การอักเสบอาจลุกลาม จนกลายเป็น ทอนซิลอักเสบ, หูชั้นกลางอักเสบ, ไซนัสอักเสบ, ปอดอักเสบ, รวมทั้งหลอดลมอักเสบ อาจมีอาการชักจากการมีไข้ขึ้นสูงในเด็ก

การรักษาผู้ป่วยที่เป็นหวัด 

เนื่องจากเชื้อหวัดเป็นเชื้อไวรัส จึงไม่มีตัวยาที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ แต่จะใช้ยารักษาตามลักษณะอาการที่เกิด โดยควรทำตัวดังนี้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด

  1. รักษาร่างกายให้อบอุ่น สวมเสื้อผ้าหนาๆเมื่อมีอากาศเย็น พยายามอย่าถูกฝน และไม่อาบน้ำเย็นเมื่ออากาศหนาวจัด
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าตรากตรำทำงานมากเกินไป
  3. ควรกินอาหารอ่อนๆ ไม่ควรกินอาหารรสจัดเกินไป เช่น เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด หรืออาหารมัน ควรดื่มน้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มร้อนๆ
  4. ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อทดแทนน้ำที่เสียไปเพราะมีไข้ขึ้นสูง
  5. ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวเวลามีไข้ อย่าใช้น้ำเย็นเช็ด 

ยาที่ใช้รักษาตามอาการ

สำหรับผู้ใหญ่ 

1. ถ้ามีน้ำมูกไหลมาก ให้กินยาแก้แพ้ ใน 2-3วัน พออาการดีขึ้นให้หยุดยา ถ้ามีน้ำมูกไม่มากไม่จำเป็นต้องกินยา

2. ถ้ามีไข้ให้กินยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล

3. ถ้าไอมาก ให้ดื่มน้ำอุ่นมากๆ หรือจิบน้ำผึ้งผสมมะนาว

สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 5ปี 

ถ้ามีน้ำมูกมาก ให้ใช้กระดาษทิชชูพันเป็นแท่ง สอดเข้าไปเช็ดน้ำมูก ถ้าไอก็ให้ดื่มน้ำอุ่นมากๆหรือจิบน้ำผึ้งผสมมะนาว และถ้ามีไข้ ก็ให้กินยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล แต่ปริมาณยาจะน้อยกว่าของผู้ใหญ่

ไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ ยกเว้น สงสัยว่ามีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เช่นมีน้ำมูกสีเขียวหรือเหลือง ปวดหูและมีไข้เกิน 4วั

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

สูตรหน้าใสด้วยน้ำผึ้ง

ถ้าสาวๆคนใดสนใจที่จะดูแลสุขภาพและผิวพรรณรวมทั้งต้องการให้หน้าใสดูชุ่มชื้น เนียนใส ควรหาซื้อน้ำผิ้งแท้มาไว้ติดบ้านสัก 1 ขวด น้ำผึ้งมีคุณค่าต่อร่างกายอย่างมากมาย หากคุณจะรับประทานเพียงวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือนำมาทำตามสูตรถนอมและบำรุงใบหน้า น้ำผึ้งจะช่วยลบริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ รอยย่นยับต่างๆจะดูเรียบเนียนขึ้น และผิวหน้าของคุณจะเต่งตึงสดใส ดูชุ่มชื้น ขาวผ่อง ใบหน้าใสขึ้น ควรถนอมผิวด้วยน้ำผึ้งทุกๆ 3-4วัน

ส่วนประกอบ 

  • น้ำผึ้งแท้ 2 ช้อนโต๊ะ 
  • อุปกรณ์ประกอบ 
  • หมวกคลุมผม และ โถเคลือบหรือภาชนะใดก็ได้ที่ทนไฟ


ขั้นตอนการบำรุงหน้าโดยใช้สูตรหน้าใสด้วยน้ำผึ้ง


  1. ล้างหน้าของคุณให้สะอาดสะอ้านโดยอาบด้วยน้ำอุ่น และใช้น้ำอุ่นล้างหน้า ชำระคราบไคลฝุ่นละอองบนใบหน้าของคุณให้สะอาดด้วยสบู่ หรือโฟมล้างหน้า 
  2. เมื่อทำความสะอาดใบหน้าจนรู้สึกสะอาดดีแล้ว ใช้ผ้าขนหนูซับหน้าให้แห้ง ใช้ที่คาดผม คาดผมไว้ให้เรียบร้อยเพื่อที่เส้นผมจะได้ไม่ตกลงมาปรกหน้า หรือจะใช้หมวกพลาสติกสำหรับอาบน้ำ คลุมเส้นผมไว้ให้เรียบร้อยเพื่อความสะดวก 
  3. นำน้ำผึ้งใส่ในโถเคลือบใบเล็กๆ หรือภาชนะใดก็ได้ที่สามารถทนไฟได้แล้วนำน้ำผึ้งไปอุ่นบนเตา ไม่ต้องให้ร้อนมาก เพียงแค่อุ่นๆ ก็ใช้ได้แล้ว 
  4. เช็ดมือของคุณให้สะอาดใช้ปลายนิ้วชี้ และนิ้วกลางแตะน้ำผึ้งทาบนใบหน้า โดยเริ่มที่หน้าผากเป็นจุดแรก ขณะทาให้ทั่วหน้าผาก ปลายนิ้ว ควรคลึงเคล้นเบาๆ ไปบนผิวหน้าผากด้วย 
  5. จากนั้นเริ่มที่ช่วงแก้มข้างซ้ายมาที่แก้มข้างขวา จุดต่อไปคือสันจมูกดเหนือริมฝีปากและมาที่บริเวณคางในที่สุด 
  6. ขณะที่ทาน้ำผึ้งไปทั่วๆใบหน้าของคุณนั้นอย่าลืมว่าปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางควรจะคลึงเคล้นเบาๆ นวดใบหน้าของคุณไปด้วย เมื่อทาน้ำผึ้งจนหมดแล้วนอนหลับตาสบายๆ นานประมาณ 40-50 นาที จึงค่อยล้างทำความสะอาดชำระล้างน้ำผึ้งออกจากใบหน้าด้วยน้ำอุ่น โฟมล้างหน้า หรือสบู่ให้สะอาดสะอ้าน

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

อาหารที่บำรุงเส้นผมสำหรับคนผมร่วงและผมบาง

อาหารที่บำรุงเส้นผมสำหรับคนผมร่วงและผมบาง: สาเหตุของผมร่วงมีด้วยกันหลายประการคือ

  1. ผมร่วงเพราะปฏิกิริยาตอบโต้ยารักษาโรค หรือการที่มีโรคภายในตัวซึ่งการทำให้การทำงานของต่อมต่างๆ ในร่างกายเสื่อมลง
  2. หนังศีรษะติดเชื้อ เช่น เชื้อบักเตรี และเชื้อรา
  3. กรรมพันธุ์
  4. ผมและผิวหนังสัมผัสน้ำยาดัดผม ยากัดสีผม ยายัอมผม การอบผม การเซ็ตผม การยีผม 
อาหารบำรุงเส้นผม

ไวตามินและแร่ธาตุต่างๆจะช่วยให้เส้นผมทวีจำนวนมากขึ้น และมีเส้นผมที่สมบูรณ์ แต่การกินอาหารดัวกล่าวนั้นต้องสม่ำเสมอนับเป็นเวลานานปี

ไวตามินที่ช่วยขจัดขี้รังแค คือ ไวตามินบีทุกชนิด ไวตามินบี 6, บี 12, พาบา, ไบโอติน, และอินนอสซิทอล ยังสามารถรักษาโรคผิวหนังชนิดเอ็กซิม่า (eczema) อีกด้วย ขี้รังแคกับโรคผิวหนังชนิดนี้มีความสัมพันธ์กันอยู่อย่างใกล้ชิด

อาหารที่มีไวตามินบีมาก ได้แก่ บริวเวอร์สยิสต์, บริวเวอร์สยีสต์ คือ เชื้อเบียร์ มีทั้งชนิดผง และชนิดเม็ด ในบริวเวอร์สยีสต์มีไวตามินถึง 17 ชนิด กรด อะมิโน (สารที่ประกอบขึ้นเป็นโปรทีน) 16 ชนิด และแร่ธาตุสำคัญอีก 15 อย่าง รวมทั้งมีสังกะสี ซึ่งเป็นธาตุที่มีประโยชน์อย่างสูงต่อผิวหนังรวมทั้งเส้นผมด้วย

อาหารที่รักษาสีของเส้นผม

กรดแพนโทเธนิค ช่วยป้องกันผมหงอกเมื่อผสมไวตามินบีอื่นๆ อาหารที่มีกรดแพนโทเธนิคมากคือ แบล็คทรีเคิล ถั่วลิสง บริวเวอร์สยีสต์ นมผง ไต ตับ ไช่แดง วีทเยอร์ม ข้าวสาลีไม่ขัดขาว

กรดโฟลิค ช่วยให้ผมไม่เปลี่ยนสี รักษาโรคโลหิตจาง อาหารที่มีกรดโฟลิค ได้แก่ ยีสต์ ตับ

กรดพาราอะมิโนเบ็นโซอิค ป้องกันผมหงอก อาหารที่มีกรดนี้คือ ตับ รำข้าว บริวเวอร์สยีสต์ แบล็คทรีเคิล

การบำรุงรักษาผม ต้องรักษาความสะอาดไม่ให้มีขี้รังแคและสกปรก ใช้แปรงๆ ผมแรงๆ เพื่อปัดฝุ่นละอองสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากหนังศรีษะเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตใช้แชมพูชนิดอ่อนไม่มีด่างสระผม ถ้ารู้สึกว่าผมบางศีรษะล้าน อย่าใส่วิก หรือผมปลอมจะทำให้ผมร่วง

ผมที่สวยงามนั้นต้องเป็นเงางาม ไม่แห้งกรอบ การกินอาหารที่มีประโยชน์เท่านั้นจึงจะช่วยได้

คนที่ต้องการบำรุงรักษาเส้นผมควรกินอาหารประจำวันทีมีประโยชน์ต่อความเติบโตของเส้นผม ควรเลือกกินอย่างใดอย่างหนึ่ง และกินโดยสม่ำเสมอ

บริวเวอร์สยีสต์ เราอาจเติมบริวเวอร์สยีสต์ผงลงในนม น้ำมะเขือเทศ น้ำส้มคั้น น้ำสับปะรด หรือน้ำผลไม้อื่นใดก็ได้ ประมาณครึ่งลิตรต่อยีสต์ 4 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากันดีแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นรับประทานได้หลายครั้ง
แบล็คทรีเคิล 2 ช้อนโต๊ะผสมนม หรือน้ำผลไม้ครึ่งแก้ว
โยเกิร์ท 2 ช้อนโต๊ะ ผสมนม 1 แก้ว อาหารเหล่านี้มีไวตามินทั้ง 3 ชนิด คือ กรดแพนโทเธนิค, กรดโฟลิค และกรดพารา อะมิโนเป็นโซอิค จะช่วยให้ผมหงอกให้กลับดำ และช่วยให้ศีรษะที่ล้านกลับมามีผมงอกขึ้นใหม่

ส่วนเครื่องดื่มที่หาง่าย และมีคุณค่าต่อสุขภาพของเส้นผมคือ น้ำสับปะรด 1 แก้ว ผสมไข่แดง 1 ฟอง ตีให้เข้ากันจะช่วยให้เส้นผมงามเป็นมัน

หวังว่าคำแนะนำนี้คงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจ ได้มีเส้นผมที่มีสุขภาพดีและดกดำเป็นเงางามเพิ่มบุคลิกและความงามให้แก่ท่าน